วิจัยหน้าเดียว : ด้านพฤติกรรม
รายวิชาภาษาไทย
ท ...............
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
เรื่อง นักเรียนคุยหยอกล้อกันขณะเรียน
……………………………………………………………
สภาพปัญหา
จากสภาพการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
ซึ่งต้องสอนในคาบสุดท้ายของวันนักเรียนส่วนหนึ่งไม่สนใจเรียน อยากกลับบ้าน
จึงพากันหยอกล้อพูดคุยในห้องเรียนไม่ตั้งใจเรียน
เป็นอุปสรรคในการจัดกิจกรรมการเรียนปกติ
หากปล่อยให้เป็นไปลักษณะนี้ทุกครั้งจะส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ
วิธีแก้ปัญหา
ผู้สอนคิดวิธีแก้ปัญหาพฤติกรรมดังกล่าว
ด้วยการบันทึกชื่อนักเรียนเอาไว้ เมื่อถึงคาบเรียนก็จะสร้างข้อตกลงว่า
วันนี้นักเรียนต้องถูกแจ๊คพ็อตอ่านออกเสียงหน้าชั้นเรียน โดยครูสุ่มจากเลขที่
และจะให้คะแนนการอ่านออกเสียงร้อยแก้วไม่ต้องไปสอบรายคน เมื่อเริ่มกิจกรรมการเรียนการสอน
นักเรียนกลุ่มดังกล่าวก็เริ่มพฤติกรรมเดิม
ครูทำเป็นไม่สนใจ
และขานเลขที่ให้ออกมาอ่านเรื่องที่ครูเตรียมไว้หน้าชั้นเรียน ๑ ย่อหน้า นักเรียนออกมาอ่านตามกำหนด และกลับไปนั่ง ผู้สอนดำเนินลักษณะนี้เรื่อยไปโดยเว้นจังหวะเป็นช่วงๆ เริ่มสังเกตเห็นว่านักเรียนที่คุยหยอกล้อ
เริ่มชะงักลง และรีบก้มลงดูตัวหนังสือ เพราะครูไม่บอกว่าเพื่อนอ่านถึงตรงไหน
และใครจับตำแหน่งที่อ่านไม่ได้ จะถูกหักคะแนน
นักเรียนออกมาอ่านตามที่ขานทุกคน ครูชมเชยหลังอ่านตามสภาพจริง โดยไม่ดุ
ไม่ลงโทษที่พูดคุย ผลปรากฏว่านักเรียนลดพฤติกรรมดังกล่าวลงและพัฒนาตนเองดีขึ้นในคาบหลังๆ
สรุปผลการวิจัย
การแก้ปัญหาด้วยวิธีให้นักเรียนออกมามีส่วนร่วมในการอ่าน ปรากฏว่านักเรียนลดพฤติกรรมดังกล่าวลงและพัฒนาตนเองดีขึ้นในคาบหลังๆ เพราะได้แสดงออก
และได้รับคำชมเชยทำให้นักเรียนรู้สึกมีคุณค่า และทำได้ ปัจจัยแห่งความสำเร็จนี้ผู้สอนต้องเป็นคนช่างสังเกตและบันทึกข้อมูล ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาเกิดซ้ำซาก นอกจากนี้ต้องแก้ปัญหาด้วยความใจเย็น ไม่เกรี้ยวกราดนักเรียน
ลงชื่อ
...............................................ผู้วิจัย ลงชื่อ......................................หัวหน้ากลุ่มสาระฯ
(...................................................) (........................................)
------------------------------------------------------------
วิจัยหน้าเดียว : ด้านการเรียน
รายวิชาหลักภาษาไทย
ท ...............
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖
เรื่อง การสอนคำสมาสสนธิ
............................................................................................................................
สภาพปัญหา
จากการเรียนการสอนวิชาหลักภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖
ซึ่งเป็นวิชาเพิ่มเติมและจัดสอนเพื่อให้นักเรียนเตรียมตัวใช้ความรู้เพื่อสอบเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา
นักเรียนตอบคำถามเรื่องคำสมาสสนธิได้คะแนนในระดับต่ำเป็นส่วนใหญ่
เมื่อสอบถามก็จะบอกว่ามักจะสับสนและไม่แน่ใจในลักษณะคำ
นอกจากนี้เมื่อครูเขียนคำให้ตอบว่าเป็นคำสมาสหรือสนธินักเรียนไม่สามารถตัดสินจากรูปคำได้ทันที
ปัญหาดังกล่าวเป็นประเด็นที่ต้องหาทางแก้ไขเบื้องต้น เพราะหากนักเรียนไม่เข้าใจชัดเจน
จะส่งผลถึงการเรียนในระดับสูง
วิธีแก้ปัญหา
ผู้สอนหาวิธีในการแก้ปัญหาโดยใช้รูปคำเป็นการตัดสินเบื้องต้นอย่างง่าย
ดังนี้
การสังเกตคำสมาส
๑. A + B เป็น AB
A และ B เป็นแฟนกันเดินตามหลังกัน
ใช้คำเดิม (ยังไม่มีลูก) เช่น วาท + ศิลป์
- วาทศิลป์
แปลความหมาย จากหลังไปหน้า
๒. A +
B เป็น C
A และ B แต่งงานกัน มีลูกเป็น C
หน้าตาเหมือนพ่อและแม่ เช่น
อรุณ + อุทัย เป็น อรุโณทัย
คำ ๒
คำกลืนเชื่อมเข้าด้วยกันด้วยการใช้กฎสระ ซึ่งนักเรียนจะได้ศึกษารายละเอียดตามตัวอย่างต่อไป
สรุปผลการวิจัย
การแก้ปัญหาด้วยการใช้สูตรดังกล่าว
ส่งผลให้นักเรียนสังเกตคำสมาสสนธิได้ดีกว่าเดิม และตอบคำถามจากการสังเกตรูปคำได้ทันที อัตราการตอบพัฒนาคะแนนขึ้นกว่าเดิมมาก ส่วนรายละเอียดการเข้าสนธินั้น
เป็นสิ่งที่จะต้องใช้หลักสังเกตต่อไป ปัจจัยแห่งความสำเร็จนี้ผู้สอนต้องเป็นผู้ที่สามารถวิเคราะห์แยกแยะสังเกตคำ
และหาหลักคิดเพื่อแก้ปัญหาให้นักเรียนได้ตรงประเด็นเป็นเบื้องต้นก่อน โดยเป็นผู้ที่ใฝ่เรียนรู้ และมองเห็นช่องทางใหม่ๆในการพัฒนานักเรียนเสมอ
จากนั้นก็จูงใจให้นักเรียนลองคิดค้นวิธีเอง
ลงชื่อ ........................................ผู้วิจัย ลงชื่อ...............................หัวหน้ากลุ่มสาระฯ
(........................................) (........................................)
......../............/............